เอ็กซ์ ของ ไทจิ ซาวาดะ

1986–1987

ในปี ค.ศ. 1985 หลังออกจากวงดีเมนเชีย ไทจิ ได้มีโอกาสเล่นคอนเสิร์ตร่วมกับวงเอ็กซ์ แทนที่อัตสึชิ โทกูโอะ มือเบสคนแรกที่ขอลาออกไป แต่เขาก็ยังไม่สนใจที่จะเข้าร่วมวงอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะขอแยกออกจากวงไปในปีต่อมา[3] หลังจากนั้นไทจิ ได้ไปเข้าร่วมกับวง เดดไวเออร์ ( Dead Wire ) ในช่วงสั้นๆ โดยช่วงที่ไทจิ ออกจากวงเอ็กซ์ ไปนั้น ทางวงได้ให้ ฮิการุ ยูตากะ เข้ามาเล่นเบสแทน หลังจากนั้น ไทจิ ก็ได้กลับมาเล่นให้กับวง เอ็กซ์ อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1986 โดยครั้งนี้เขาตกลงเป็นสมาชิกใหม่ในตำแหน่งมือเบสของวงอย่างเป็นทางการ แทนที่ ฮิการุ ยูตากะ และได้บันทึกเสียงกับเอ็กซ์ เป็นครั้งแรกใน ปี ค.ศ. 1986 โดยเป็นการบันทึกเดโม Kureinai ร่วมกับทางวง

ต่อมาช่วงต้นปี ค.ศ. 1987 ไทจิ ได้ร่วมกับสมาชิกของวงเอ็กซ์ ที่ในขณะนั้นเหลืออยู่เพียง 3 คน (โยชิกิ โทชิ และไทจิ) บันทึกเสียงลงอัลบั้มรวมศิลปิน Skull Thrash Zone Vol.1 โดยได้พาตะ มือกีตาร์ของวง Judy มาช่วยเล่นกีตาร์ให้ ก่อนที่ในเวลาต่อมา พาตะ จะได้เข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งของวง ในอัลบั้มดังกล่าวมีเพลงของวง เอ็กซ์ 2 เพลง คือ Stab Me In The Back และ No Connexion ถือเป็นอัลบั้มที่ ไทจิ เปิดตัวกับวงเอ็กซ์ เป็นครั้งแรก

ต่อมาเมื่อเอ็กซ์ได้สมาชิกที่ลงตัวครบทั้ง 5 คน ได้แก่ โยชิกิ โทชิ ไทจิ พาตะ และฮิเดะ พวกเขาได้ออกวีดีโอบันทึกการแสดงสด Exclamation ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1987 โดยเป็นวีดีโอบันทึกการแสดงสดของวงจำนวน 3 เพลง ได้แก่เพลง Exclamation ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงที่เขาและฮิเดะแต่งขึ้น โดยเพลงดังกล่าวมีจุดเด่นที่การโซโล่เบสและโซโล่กีตาร์ของตัวเขาและฮิเดะ ส่วนการแสดงสดอีก 2 เพลงในวีดีโอชุดดังกล่าวคือ Stab Me In The Back และ Kureinai

แวนิชชิง วิชัน

จากการเริ่มเป็นที่สนใจในวงการเพลง ทำให้ในปี ค.ศ.1988 ไทจิพร้อมด้วยสมาชิกของเอ็กซ์ได้ปรากฏตัวในบทบาทรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง Tokyo Pop ที่นำแสดงโดย แคร์รี ฮามิลตัน นักแสดงและนักร้องสาวชาวอเมริกัน

ต่อมาเขาได้ออกสตูดิโออัลบั้มชุดแรกร่วมกับเอ็กซ์ ในปี ค.ศ. 1988 ชื่อว่า แวนิชชิง วิชัน (Vanishing Vision) โดยอัลบั้มแรกของไทจิ ซาวาดะ ในฐานะมือเบสของเอ็กซ์ นอกจากเขาจะทำหน้าที่เล่นเบสแล้ว ยังเป็นผู้แต่งเพลง Dear Loser ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงเปิดอัลบั้ม และเป็นผู้แต่งทำนองของเพลง Phantom Of Guilt ซึ่งเป็นเพลงที่เขียนคำร้องขึ้นโดยโทชิ รวมถึงแต่งเพลง Give Me The Pleasure ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพลงบรรเลงที่เขาแต่งขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการดูข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรม

ในอัลบั้มแรกของวงเอ็กซ์ เขาได้แสดงให้เห็นถึงฝีมือในการเล่นเบสจังหวะยากๆ และการใช้เทคนิคต่างๆในการเล่นเบส เช่นการเล่นเบสด้วยนิ้วสลับกับการตบสายระหว่างเพลงให้เป็นจังหวะเสียงเบสที่โดดเด่นติดหูผู้ฟังในเพลง Sadistic Desire ที่แต่งโดยฮิเดะ หรือการเล่นแบบตบสายตลอดทั้งเพลงในเพลง Give Me The Pleasure ที่เขาเองเป็นผู้แต่งขึ้น

บลูบลัด

โดยช่วงที่อยู่กับเอ็กซ์ ไทจิ ซาวาดะ ได้แสดงความสามารถและเทคนิคในการเล่นเบสออกมาจนเป็นที่ยอมรับในวงการเพลงของญี่ปุ่น และมีชื่อเสียงโด่งดังถึงขีดสุด

Voiceless Screaming ที่ไทจิ เป็นผู้แต่งดนตรี และยังรับหน้าที่เล่นกีตาร์อคูสติกในเพลงนี้ ร่วมกับพาตะ

ไทจิเป็นมือเบสของวง X ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 - 2535 เขาได้ลาออกจากวง X เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2535 หลังจากออกไปก็ไปอยู่กับวง Loudness ระยะสั้นๆ แล้วเขาก็ตั้งวงใหม่ขึ้นชื่อ D.T.R (Dirty Trash Road) นิตยสารของญี่ปุ่นเคยจัดอันดับว่า ไทจิ เป็นมือเบสอันดับ 1 ของญี่ปุ่น[ต้องการอ้างอิง] แต่นอกจากฝีมือเบสแล้ว เขายังเล่นกีตาร์ไม่แพ้ใครเช่นกัน แม้แต่ฮิเดะ มือกีตาร์ของวง X เองยังเคยกล่าวว่า เทคนิคทางกีตาร์ของไทจิยอดเยี่ยมกว่าของเขาอีก[ต้องการอ้างอิง]

1992–93: ลาวด์เนส